ภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติ
การเขียนบทแปลที่ดีต้องเขียนด้วย
ภาษาไทยที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงภาษาเขียน
ภาษาพูดที่คนไทยทั่วไปใช้กันจริงในสังคมไทย เพื่อให้คนไทย
ผู้อ่านผู้ใช้งานสามารถเข้าใจได้ทันที ไม่มีอุปสรรคในการรับสารที่สื่อจากบทแปล ซึ่งองค์ประกอบย่อยของการแปล
คือ คำ ความหมาย การสร้างคำ และสำนวนโวหาร
คำและความหมาย
คำบางคำมีความหมายแตกต่างกันหลายอย่างมีทั้งความหมายตรงและความหมายแฝง
หรือความหมายเชิงเปรียบเทียบ
สำนวนโวหาร
ซึ่งในการแปลขั้นสูงนี้ ผู้แปลจะต้องรู้จักสำนวนการเขียน และการใช้โวหารหลายๆ แบบ
การอ่านมากจะทำให้คุ้นกับสำนวนโวหารแบบต่างๆ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็จะได้ผลตรงกันข้าม
โวหารภาพพจน์
คือสิ่งที่ผู้แปลจะต้องทำความเข้าใจอย่างแท้จริง ผู้อ่านควรวางใจเป็นกลาง
และศึกษาแนวคิดในการใช้โวหารภาพพจน์ ซึ่งผู้เขียนทั้งเก่าใหม่ ทุกชาติทุกภาษาจะใช้โวหารร่วมกันดังนี้
คือ
1.
โวหารอุปมา คือ
การสร้างภาพพจน์เปรียบเทียบ โดยมีจุดมุ่งหมายชี้แจงอธิบาย
พูดพาดพิงหรือเสริมให้งดงามขึ้น
2.
โวหารอุปลักษณ์
คือ
การเปรียบเทียบความหมายโดยนำความเหมือนและความไม่เหมือนของสิ่งที่จะเปรียบเทียบมากล่าว
3.
โวหารเย้ยหยัน
คือการใช้คำด้วยอารมณ์ขัน เพื่อยั่วล้อ เย้ยหยัน
เหน็บแนมหรือชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของสิ่งที่ต้องกล่าวถึง
4.
โวหารขัดแย้ง
คือการใช้คำที่มีความหมายตรงกันข้ามมาเรียงต่อกันโดยการรักษาสมดุลไว้
5.
โวหารที่ใช้ส่วนหนึ่งแทนทั้งหมด
ได้แก่การนำคุณสมบัติเด่นๆ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาใช้แทนที่จะเอ่ยนามสิ่งนั้นออกมาตรงๆ
6.
โวหารบุคคลาธิษฐาน
คือการนำสิ่งต่างๆที่ไม่มีชีวิต รวมทั้งความคิด การกระทำ และนามธรรมอื่นๆ
มากล่าวเหมือนเป็นบุคคล
7.
โวหารที่กล่าวเกินจริง
คือมีจุดประสงค์ที่จะเน้นให้เห็นความสำคัญ ชี้ให้ชัดเจนและเด่น
และเพื่อใช้แสดงอารมณ์ที่รุนแรง
ลักษณะที่ดีของสำนวนโวหาร
ดังต่อไปนี้
1.
ถูกหลักภาษา
2.
ไม่กำกวม
3.
มีชีวิตชีวา
4.
สมเหตุสมผล
5.
คมคายเฉียบแหลม
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็คือการภาษาไทยที่เป็นธรรมชาตินั้นเอง
ในการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านที่เป็นคนไทย ได้เข้าใจในความหมายได้อย่างชัดเจนและถูกต้องในการแปลต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น